Monthly Archives: March 2022

การเลือกสอนทำอาหารเพื่อการผ่อนคลาย

เพราะการทำอาหารคือ สิ่งหนึ่งที่จะช่วยในเรื่องของการผ่อนคลายความเครียดได้  ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหาร หรือการทำอาหาร ที่บางคนบอกว่าคือการช่วยคลายเครียด ซึ่งบางคนที่เกิดอาการเครียดจึงหาทางออกด้วยการทำอาหารและการรับประทานอาหาร  เคยได้ยินหรือไม่เวลาสาวๆ อกหัก มักจะใช้วิธีการกิน ๆ เพื่อทำให้ลืมทุกอย่าง และสิ่งที่ตามมาด้วยก็คือน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง ส่วนใครที่เครียดแล้วหันไปสอนทำอาหาร ก็เพราะว่าจะทำให้จิตใจเย็นลง สงบลง และมีสมาธิในการปรุงแต่ง และคัดสรรวัตถุดิบต่างๆ เพื่อให้อาหารออกมามีหน้าตาน่ารับประทาน และรสชาติดี การได้ทำอะไรในสิ่งที่ตัวเองรักเป็นเวลาช่วงขณะหนึ่ง จะทำให้มีความสุขและลืมความทุกข์ไปได้

การสอนทำอาหารเพื่อการผ่อนคลาย สำหรับบางคน จะใช้วิธีคลายเครียดด้วยการทำอาหาร เพราะเพียงแค่เริ่มเดินหาวัตถุดิบในตลาด ทั้งหมูเห็ด เป็ดไก่ ผัก ผลไม้ และเครื่องปรุง ก็จะทำให้เกิดความสนุกและมีความสุขแล้ว การทำอาหาร สำหรับคนรุ่นใหม่อาจจะทำให้ดูเหมือนเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและน่ารำคาญ  เพราะส่วนใหญ่จะมองหาและซื้ออาหารปรุงสำเร็จที่มีอยู่แทบจะทุกหัวถนนหรือตามตลาดทำให้อีกหลายๆ คนคิดว่าแล้วจะมาเสียเวลามานั่งคิดเมนูและเสียเวลาหาวัตถุดิบเพื่อเข้าครัวให้หัวมันตัวเหม็นทำไมกัน  แถมยังต้องมาเก็บล้างจาน ให้ยุ่งยาก  แต่เพราะมีความคิดที่อยากจะหลีกเลี่ยงการเข้าครัวในบ้านของตัวเอง มันก็ทำให้เราติดนิสัยในการกินข้าวนอกบ้านไปด้วยโดยไม่รู้ตัว

กำหนดไลฟ์สไตล์กับการสอนทำอาหาร หากคุณชอบรับประทานอาหารตามร้านหรูๆ หรือชอบอาหารหรูๆ และเบื่อที่จะไปนั่งตามร้านเหล่านั้นแล้ว หากมีเวลาก็น่าจะลอง เดินตลาด และไปซื้อหาของมาเข้าครัวเพื่อทำอาหารจานโปรดของคุณเองดู ซึ่งสามารถที่หาจากกูเกิล หรือ ตาม วิธีสอนทำอาหารบนยูทิวบ์ ก็ได้  คุณจะรู้สึกดีมากและภูมิใจในฝีมือของตัวเอง ซึ่งมันคือหนึ่งในเหตุผลของจิตวิทยา เพราะการที่คุณได้ลงมือ ทำอาหารทานเอง จะทำให้คุณกลายเป็นผู้กำหนดไลฟ์สไตล์ สีสัน รสชาติ ในการทำอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีกว่า ได้ของที่สดสะอาดและใหม่กว่า ที่สำคัญเป็นฝีมือของคุณเอง


ข้อมูลเบื้องต้นสำหรับผู้ที่ต้องการดูดไขมัน

สำหรับคนที่ประสบปัญหาในเรื่องของรูปร่างและสัดส่วน ทางออกหนึ่งที่หลายคนสนใจก็คือการ “ดูดไขมัน” ที่นับเป็นศัลยกรรมประเภทหนึ่ง ซึ่งต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการปฏิบัติ แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีหลายคนที่ขาดความรู้เกี่ยวกับการดูดไขมันอยู่มาก วันนี้ทางเราจึงถือโอกาสนำข้อมูลความรู้จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาฝากเพื่อทำความเข้าใจร่วมกัน

การดูดไขมันนับเป็นศัลยกรรมประเภทหนึ่ง ที่ต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการผ่าตัด ไม่สามารถทำเองได้ อย่างเช่นในปัจจุบันที่เห็นว่าบางแห่งจำหน่ายเครื่องดูดไขมันสำหรับทำเองที่บ้านหรือสำหรับร้านค้าที่ให้บริการเกี่ยวกับความงาม จัดว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อถือ เพราะการดูดไขมันต้องทำร่วมกันกับการผ่าตัด ต้องอาศัยความรู้เฉพาะทางและต้องทำโดยแพทย์เท่านั้น ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่หลายคนยังคงเข้าใจผิดและควรทำความเข้าใจใหม่ตั้งแต่ตอนนี้

การดูดไขมันหลักๆ มีเพียงเทคนิคเดียวคือการทำให้ไขมันหลวมเพื่อดูดออกจากร่างกายได้ง่ายขึ้น แต่การทำให้ไขมันหลวมมีหลายวิธีการ ได้แก่ การใช้คลื่นวิทยุ (RF), การใช้อัลตราซาวด์ (คลื่นเสียง), การฉีดสารละลายบางอย่างที่ทำให้ไขมันแตกตัวและดูดง่ายขึ้น และต้องเป็นสารที่ปลอดภัยไม่มีอันตราย

การดูดไขมันไม่สามารถดูดได้ทุกแห่ง เพราะบางตำแหน่งมีความเสี่ยงสูง ซึ่งไม่เหมาะกับการดูดไขมัน โดยตำแหน่งที่คนนิยมดูดไขมัน ได้แก่ ท้อง เอว ต้นขา ต้นแขน และสะโพก ส่วนตำแหน่งที่ไม่เหมาะกับการดูดไขมันคือใบหน้า เพราะมีเส้นประสาทจำนวนมาก การเตรียมตัวก่อนการดูดไขมันคือต้องรู้ก่อนว่าจะดูดตำแหน่งไหน และต้องทำความเข้าใจว่าบริเวณนั้นเหมาะสมหรือไม่อย่างไร

อย่างเช่นบริเวณน่องเป็นบริเวณที่หลายคนอยากดูดไขมันออก แต่ส่วนมากขนาดของน่องที่ใหญ่ มักไม่ได้เป็นเพราะไขมันแต่เป็นเพราะกล้ามเนื้อมากกว่า อาจต้องเข้าไปปรึกษาแพทย์เพื่อทำการวิเคราะห์ละเอียดอีกทีว่ามีไขมันสะสมอยู่มากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ยังต้องทำการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ให้บริการที่ต้องมีมาตรฐาน มีห้องผ่าตัดมาตรฐานสูง มีห้องพักฟื้นที่เหมาะสม และศึกษาข้อมูลของแพทย์ที่จะทำการดูดไขมันให้

อีกหนึ่งเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการดูดไขมันก็คือ การดูดไขมัน “ไม่ใช่การลดความอ้วน” แต่เป็นการกระชับสัดส่วนเท่านั้น เพราะในความจริงแล้วไขมันมีน้ำหนักที่เบามากหากเปรียบเทียบกับกระดูกและกล้ามเนื้อ หลังดูดไขมันน้ำหนักอาจจะลดลงเพียงแค่ 1 กิโลกรัมโดยประมาณ รับประทานอาหาร 1-2 มื้อน้ำหนักก็กลับมาเท่าเดิม ไม่ได้ช่วยให้ผอมลง หรือไม่สามารถเปลี่ยนคนอ้วนให้เป็นคนผอมได้ หากต้องการลดความอ้วนยังคงต้องออกกำลังกายและควบคุมอาหารร่วมด้วย

สำหรับการดูดไขมันในบริเวณต่างๆ ก็ไม่ได้การันตีว่าไขมันจะหมดไปอย่างถาวร เพียงแต่ช่วยให้ดีขึ้นเท่านั้น สมมติมีไขมันอยู่ 100% หลังดูดออกอย่างมากจะออกไป 60% ของไขมันทั้งหมด หลังจากนั้นไขมันก็อาจจะกลับมาใหม่ เวลาทานอะไรเข้าไป แต่อาจจะกลับมาไม่ถึง 100% โดยอาจจะกลับมาแค่ 80% เท่านั้น แต่ถ้าหากไม่มีการควบคุมอาหารที่ดีพอ ไขมันก็อาจกลับมาเท่าเดิมได้เช่นกัน