การซื้อขายบ้านนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นก่อนติดต่อซื้อขายบ้านแนะนำให้เช็กตัวเองให้ดีว่าเราจะสามารถขอสินเชื่อกับทางธนาคารผ่านหรือไม่ ซึ่งในสัญญาซื้อขายจะระบุราคาบ้านและเงื่อนไขต่างๆ ระหว่างเรากับเจ้าบ้านเอาไว้ ซึ่งเวลาเราไปขอสินเชื่อบ้านมือสองกับธนาคาร ธนาคารจะยึดราคาซื้อขายตามใบสัญญา
ทำสัญญาซื้อบ้านมือสอง
ผู้ซื้อบ้านมือสองสามารถกู้ได้ 80-90% ของวงเงินตามที่ระบุในสัญญานี้ หรือตามที่ธนาคารประเมิน ดังนั้นถ้าเราตกลงกับเจ้าของบ้านได้ว่า จะขอซื้อบ้านในราคาที่ถูกลง แต่จะให้เค้าระบุในสัญญาเป็นราคาที่แพงขึ้น เพื่อที่เราจะได้กู้เงินกับธนาคารได้มากขึ้น ตรงนี้ก็จะช่วยให้เรามีเงินเหลือไปซื้อเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ หรือปรับปรุงบ้านหลังนี้ได้ตามใจ
การนำเอกสารในการยื่นกู้ไปติดต่อธนาคารเพื่อยื่นกู้บ้านมือสอง โดยที่ผู้ทำเรื่องต้องเตรียมเอกสารแสดงตนและเอกสารทางการเงินที่แสดงแหล่งที่มาของราย ได้แก่ สมุดเงินฝากรายการเดินบัญชีธนาคารย้อนหลัง สลิปเงินเดือน รวมทั้งจะต้องนำสัญญาจะซื้อจะขายและสำเนาโฉนดที่ดินที่ได้มาจากผู้ขาย
เมื่อธนาคารได้รับเอกสารที่เราเตรียมไปแล้ว ธนาคารจะทำการ ประเมินราคาทรัพย์สิน โดยธนาคารส่วนใหญ่ที่ไม่มีโปรโมชั่นจะนิยมให้กู้ประมาณ 80% ของราคาซื้อขายหรือราคาประเมิน ดังนั้นเราก็ควรที่จะต้องมีเงินสดอย่างน้อย 20% ของราคาซื้อขาย หรืออาจจะหาโปรธนาคารที่สามารถให้เราได้มากที่สุด
ค่าใช้จ่ายสำหรับกู้ซื้อบ้านมือสองกับธนาคาร
เมื่อธนาคารอนุมัติวงเงินกู้ซื้อบ้านกับธนาคารแล้ว เราควรโทรไปแจ้งกับผู้ขาย เพื่อนัดวันไปโอนบ้านที่กรมที่ดิน พร้อมจำนองบ้านหลังนั้นต่อให้กับธนาคาร เพื่อใช้เป็นหลักประกันในการกู้เงิน โดยผู้ขายเองก็จะได้รับเงินจากการขายบ้านทั้งหมดในวันนั้น โดยจะใช้เวลาวันเดียวในการ ทำการโอนบ้านและจำนองให้เสร็จสิ้นภายในวันเดียวกัน
โดยผู้ซื้อต้องเตรียมเงินในส่วนของเราสำหรับการจ่ายค่าภาษีธุรกิจเฉพาะหรือค่าอากรแสตมป์ ค่าโอน ค่าจำนอง ซึ่งจะชำระให้กับกรมที่ดิน ค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เราจะจ่ายค่าอะไรบ้างนั้น ก็จะอยู่ที่ในสัญญาซื้อขายที่เราทำแต่แรกกับเจ้าของบ้าน ว่าใครจ่ายค่าอะไรบ้างนั้นเอง